เราต่างเป็นที่ทราบกันดีว่า ราคาบุหรี่ นั้นมีการเพิ่มขึ้นแทบจะทุกปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคาบุหรี่เกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ เลยก็คือในเรื่องของการตรวจภาษีโดยรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าการปรับราคานี้ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ที่สูบบุหรี่โดยตรง ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าเดิม โดยราคาของบุหรี่ ณ ปัจจุบันนี้ก็จะมีหลายราคาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น 64 บาท, 70-72 บาท สำหรับบุหรี่รุ่นธรรมดายอดฮิตทั่วไปอย่างเช่น LM และ Score เป็นต้น สำหรับบุหรี่นอกที่เมื่อก่อนราคาอยู่ที่กล่องละ 95 ก็ถูกปรับขึ้นมาเป็น 110-115 บาท โดยรัฐบาลได้มีการแจกแจงถึงเหตุผลว่า การปรับขึ้นราคานั้นเป็นการส่งเสริมทำให้คนสูบบุหรี่ลดลง เป็นอีกแนวทางที่จะช่วยดูแลสุขภาพของคนไทย ซึ่งแน่นอนว่าก็มีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วย และกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพูดที่สูบบุหรี่จัด ที่ต้องใช้เงินมากว่าเดิม ต่อให้รัฐบาลจะปรับโครงสร้างอีกแค่ไหน ก็แทบจะไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย
แนวโน้มการราคาหลังจากปรับ ราคาบุหรี่ 7-11 ล่าสุด 2566 แล้ว
สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ที่มีการปรับจาก 40% มาเป็น 42% ตั้งแต่ปี 2564 จนมากระทั่งปัจจุบัน ยังไม่มีการปรับขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาบุหรี่ซองละ 70 บาท ถึงหลักร้อยกว่าบาทนั้นเป็นราคาที่สูง ที่ทำให้ผู้สูบกระอักกระอ่วนกันพอสมควร อย่างไรแล้วตอนนี้เหล่านักดูดบุหรี่มวนทั้งหลาย ก็ต่างกำลังตั้งหน้าตั้งตารอการปรับโครงสร้างจากรัฐบาลของนายกเศรษฐา ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร จะมีการปรับลดลงบ้างหรือไม่ เพราะว่ารัฐบาลเองก็เสียรายได่ค่อนข้างมหาศาลจากการปรับภาษีแต่ละครั้ง เพราะว่ามันเป็นการเปิดช่องโหว่ให้บุหรี่เถื่อนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นแล้วราคาจะขึ้นหรือว่าจะลง ตรงนี้อาจจะต้องรอการเคาะจากคณะรัฐบาลกันอีกทีในปี 2567 ที่กำลังจะมาถึงนี้
ขึ้นไม่ลด ราคาบุหรี่ 7-11 ล่าสุด 2566 คนเริ่มสูบพอต ซื้อบุหรี่เถื่อนกันมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เราสามารถสังเกตได้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การปรับราคาของบุหรี่มวน ผู้คนเริ่มเปิดใจลองบุหรี่ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น พอๆ กับคนที่หันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ซึ่งการเปิดใจลองใช้ บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้คนสามารถเข้าใจและยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยกันมากยิ่งขึ้น แต่อีกทางเลือกที่น่าเป็นห่วงมากๆ คือเรื่องบุหรี่เถื่อน เพราะมีราคาถูกล่อตาล่อใจมากๆ จากปกติที่ต้องเสียเงิน 70 บาท แต่สำหรับบุหรี่เถื่อนแล้ว ผู้ซื้อสามารถจ่ายในราคาประมาณซองละ 20 กว่าบาทเท่านั้น โดยมันมาพร้อมกับอันตรายที่สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายมากมายไม่ว่าจะเป็น
- เสี่ยงต่อการสูบบุหรี่ที่เป็นเชื้อรา ที่สามารถส่งผลอันตรายต่อปอดโดยตรง
- เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดหัวใจหดตัว ทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด
- เป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาเป็นต้อกระจกได้ง่ายกว่าเดิม อาจทำให้ตาบอดถาวรได้
- เป็นสาเหตุทำให้กระเพาะผลิตน้ำย่อยมากเกินไป จนทำให้กัดกระเพาะถูกกัดกร่อน จนทำให้กระเพาะทะลุได้
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองตีบมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว
- การสูบบุหรี่มานานทำให้ระบบการหายใจขัดข้อง ไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติเต็มที่เหมือนคนทั่วไป
อะไรทางเลือกที่ดีกว่าของคนอยากเลิกซื้อบุหรี่
การจะบอกให้เลิกบุหรี่ไปเลย มันอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับคนที่ดูดมานาน เพราะฉะนั้นแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ทางเลือกที่ดูจะเป็นไปได้และมีอันตรายน้อยที่สุดก็คงจะเป็น บุหรี่ไฟฟ้า เพราะว่ามีข้อดีกว่าการสูบบุหรี่มวนมากมายไม่ว่าจะเป็น
- มีราคาที่ค่อนข้างคงตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่มวน ส่วนมากแล้วจะไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นจนน่าตกใจ เพราะการแข่งขันทางการตลาดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูงจึงทำให้ผู้บริโภคได้เปรียบในเรื่องของราคาและตัวเลขสินค้าที่มีมากกว่า
- มีสารเคมีที่น้อยกว่าบุหรี่มากๆ จึงทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายที่น้อยกว่า เป็นสาเหตุของการก่อโรคให้แก่ร่างกายน้อยกว่า
- ไม่มีปัญหาในเรื่องของควันบุหรี่มือสอง ไม่ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม
- เป็นทางเลือกในการเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะว่าไม่ใช่การเลือกแบบหักดิบไปเลย แต่ในทางตรงกันข้ามเป็นวิธีการที่ทำให้ร่างกายสามารถปรับสมดุลในการซึมซับปริมาณนิโคตินอย่างช้าๆ
บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายแต่สุดท้ายแล้วปลอดภัยจริงไหม?
ถือว่าเป็นเรื่องจริงที่ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังคงไม่มีกฎหมายรองรับ และนี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีราคาที่ไม่สูงมากเพราะว่ายังไม่ได้มีการถูกเรียกเก็บภาษีจากทางรัฐบาล อย่างไรแล้วในแง่ของความปลอดภัยในการใช้งาน อย่างไรแล้วก็ยังคือว่าคุ้มค่าอยู่ดี และถึงแม้ว่าอีกหน่อยในอนาคตหากบุหรี่ไฟฟ้ามีกฎหมายรองรับและสามารถเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง ส่งผลทำให้ราคาสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน อย่างไรแล้วบุหรี่ไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความคุ้มค่าเพราะซื้อมา 1 ครั้งสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน